Dino-Lite กล้องจุลทรรศน์พกพา รางวัลยอดเยี่ยมโลก "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ" ปีใหม่ขอให้ทุกอย่างสมหวัง ปีใหม่ขอให้ร่ำรวย ความรู้เกี่ยวกับ "วันตรุษจีน" นับเป็นประเพณีนิยม ในวันตรุษจีน ที่เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชนชาติจีนแผ่นดินใหญ่และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน นั่นแสดงว่าเป็นสัญญาณอันดีที่จะมีงานรื่นเริง การสวมใสเสื้อสีแดงสด อันเป็นสีที่เป็นศิริมงคลของพี่น้องชาวจีน อาจจะบอกดว่าเป็นวันครอบครัว ที่จะได้พบปะสังสรรค์ กินเลี้ยงอย่างมีความสุข ...อันเป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยการให้ทาน การทำบุญทำกุศล หรือแม้กระทั่งที่วัดจีนประชาสโมสร ก็มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ทำทานในวันขึ้นปีใหม่ นำมาซึ่งความปิติ-มีความสุขเปี่ยมล้น มีผลทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต ทำงาน-ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป... เทศกาลจีนมีอยู่มากมาย ตรุษจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ในปีนี้ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ทุกคนต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่างหยุดงาน โรงเรียนสถาบันการศึกษาต่างปิดเทอมในช่วงนี้ เป็นปิดเรียนฤดูหนาว ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่ไม่สามารถหยุดงานได้ หน่วยงานห้างร้านต่างก็หยุดงาน 3-4 วัน เมื่อใกล้วันปีใหม่จีน ผู้คนต่างก็มีการตระเตรียมงานปีใหม่ ภายในครอบครัว ทุกบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านเรือน ผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสะอ้านสดใส ร้านค้าห้างสรรพสินค้าต่างก็เติมไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพร ในตลาดก็คราคร่ำไปด้วยผู้คน ต่างเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ซื้อปลาบ้าง ซื้อเนื้อสัตว์บ้าง ซื้อเป็ดไก่บ้าง ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข ช่วงเทศกาลปีใหม่ เด็กๆต่างมีความสุขมาก ต่างสวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาดขนมหวาน เล่นพลุประทัดอย่างรื่นเริง คืนก่อนวันปีใหม่ คือวันสุดท้ายของปีนั่นเองเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ดูทีวี บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็เล่นหยอกล้อกับเด็กๆ บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่ ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน |
yuttana machid
วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555
วันเทศกาลตรุษจีน
ประวัติ วันตรุษจีน
วันกองทัพไทย
๑๘ มกราคม วันกองทัพไทย
ในวันที่ 18 มกราคม 2550 ประกาศเป็นวันกองทัพไทยเป็นปีแรก ซึ่งก่อนหน้านี้คือ“วันยุทธหัตถี” หรือที่เรียกว่า “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
“วันยุทธหัตถี” หรือที่เรียกว่า “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หมายถึง วันที่ระะลึกที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่า เมื่อวันจันทร์ เดือน ๒ แรม ๒ ค่ำ จุลศักราช ๙๕๔ อันตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ กำหนดให้วันที่ ๑๘ มกราคม ของทุกปีเป็น “วันยุทธหัตถี” (แทนวันที่ ๒๕ มกราคม เนื่องจากนายประเสริฐ ณ นคร ราชบัณฑิต ได้คำนวณแล้วพบว่าการนับวันทางจันทรคติของวันกระทำยุทธหัตถีเดิมที่ตรงกับวันจันทร์ เดือน ๒ แรม ๒ ค่ำ จุลศักราช ๙๕๔ ที่กำหนดเป็นวันที่ ๒๕ มกราคมนั้น คลาดเคลื่อน จึงได้มีการเปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง) และถือวันนี้เป็นวันรัฐพิธี โดยให้มีการวางพานพุ่มสักการะ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ
ยุทธหัตถี หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการรบอย่างกษัตริย์สมัยโบราณ ถือเป็นคติมาแต่ดึกดำบรรพ์ว่า ยุทธหัตถีหรือการชนช้างเป็นยอดยุทธวิธีของนักรบ เพราะเป็นการต่อสู้อย่างตัวต่อตัว แพ้ชนะกันด้วยความคล่องแคล่วแกล้วกล้า กับการชำนิชำนาญในการขับขี่ช้างชน โดยมิต้องอาศัยรี้พลหรือกลอุบายแต่อย่างใด เพราะโดยปกติ ในการทำสงครามโอกาสที่จอมทัพทั้งสองฝ่ายจะเข้าใกล้ชิดจนถึงชนช้างกันมีน้อยมาก ดังนั้น กษัตริย์พระองค์ใดกระทำยุทธหัตถีชนะก็จะได้รับการยกย่องว่า มีพระเกียรติยศสูงสุด และแม้แต่ผู้แพ้ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นนักรบแท้
ในสมัยอยุธยามีการยุทธหัตถี รวม ๓ ครั้ง คือ ครั้งแรกในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระ อินทราชาพระเจ้าลูกยาเธอได้ชนช้างกับข้าศึกที่นครลำปาง และถูกปืนสิ้นพระชนม์ ครั้งที่สองในแผ่นดินพระมหาจักรพรรดิ ได้ชนช้างกับพระเจ้าแปรกรุงหงสาวดี และสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ต้องอาวุธข้าศึกทิวงคต และครั้งที่สาม ก็คือครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชชนช้างกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี จนได้รับชัยชนะ ซึ่งยุทธหัตถีครั้งนี้กล่าวกันว่าเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ และเป็นวีรกรรมครั้งสำคัญที่ทำให้พระเกียรติยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นที่เลื่องลือไปไกล
หลังจากนั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าไม่มีข้าศึกใดกล้ายกทัพมารุกรานเรานานถึง ๑๕๐ ปี ดังนั้น ในโอกาสครบรอบ ๔๑๕ ปีแห่งวันกระทำยุทธหัตถีจนได้รับชัยชนะ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอนำพระราชประวัติโดยย่อของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ ๑๘ แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๐๙๘ ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระบิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี ผู้เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และพระสุริโยทัยวีรกษัตรีย์ของไทยเป็นพระมารดา จึงอาจกล่าวได้ว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงได้รับพระสายโลหิตความเก่งกล้าสามารถสืบเนื่องมาจากพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทางพระชนก และเลือดพระสุริโยทัยซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกา(ยาย)ทางพระมารดา
ทรงมีพระสุพรรณกัลยา เป็นพระพี่นาง และมีพระเอกาทศรถเป็นพระอนุชา เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ๑๕ ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๑๓๓ จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๑๔๘ ทรงอุทิศเวลาเกือบตลอดรัชสมัยให้กับการศึกสงครามเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความยิ่งใหญ่ให้กรุงศรีอยุธยาตลอดมา ทำให้ทรงไม่มีพระมเหสีและพระราชโอรสธิดา ดังนั้น เมื่อเสด็จสวรรคต พระเอกาทศรถจึงได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อมา
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเชี่ยวชาญการรบยิ่ง ทรงฉลาดในการวางแผนยุทธวิธีและอุบายกระบวนศึกที่ไม่เหมือนผู้ใดในสมัยเดียวกัน ทรงเป็นผู้ริเริ่มการรบแบบกองโจร คือ ใช้คนน้อยแต่สามารถต่อสู้กับคนจำนวนมากได้ พระองค์มีความสามารถในการใช้อาวุธที่ทำการรบแทบทุกชนิดอย่างเชี่ยวชาญยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนไม่ว่าจะเป็นปืน ดาบ ทวนหรือง้าว เป็นต้น
ฝีมือการรบของพระองค์นั้นเรียกได้ว่าเก่งกาจจนเป็นที่ครั่นคร้ามแก่ข้าศึกศัตรู ดังปรากฏในพงศาวดารพม่าพอสรุปได้ว่า วันหนึ่งพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ทรงตัดพ้อว่า ไม่มีใครที่จะอาสามาสู้รบกับกรุงศรีอยุธยาเลย ทั้งๆที่พระนเรศวรมีรี้พลแค่หยิบมือเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปรบพุ่ง พระยาลอ ขุนนางคนหนึ่ง จึงทูลว่า กรุงศรีอยุธยานั้น สำคัญที่พระนเรศวรองค์เดียว เพราะกำลังหนุ่ม รบพุ่งเข้มแข็งทั้งบังคับบัญชาผู้คนก็สิทธิ์ขาดรี้พลทั้งนายไพร่กลัวพระนเรศวรยิ่งกว่ากลัวความตาย เจ้าให้รบพุ่งอย่างไรก็ไม่คิดแก่ชีวิตด้วยกันทั้งนั้น คนน้อยจึงเหมือนคนมาก ข้อความดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพระบารมีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้อย่างชัดเจน
อาจกล่าวได้ว่าตลอดพระชนมชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่เคยทรงอยู่อย่างสะดวกสบายและต้องทรงกระทำการรบมาโดยตลอด กล่าวคือ เมื่อพระชนมายุ ๙ พรรษาก็ต้องไปเป็นตัวประกันที่หงสาวดีอยู่ ๖ ปี ครั้นเสด็จ กลับมากรุงศรีอยุธยาเมื่อพระชนมายุ ๑๕ พรรษา ปีต่อมาพระบิดาก็ส่งไปครองเมืองพิษณุโลก มีอำนาจบัญชาการหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งหมด ได้ทรงจัดฝึกทหารแบบใหม่ พอพระชนมายุ ๑๙ พรรษาทรงยกกองทัพไปพร้อมพระบิดาเพื่อช่วยทัพหลวงกรุงหงสาวดีตีเมืองเวียงจันทร์ ครั้นพระชนมายุ ๒๓ พรรษา ได้ลงเรือไล่ติดตามพระยาจีนตุขุนนางจีนเมืองเขมรที่หนีไป โดยใช้พระแสงปืนยิงต่อสู้ด้วยพระองค์เอง อย่างไม่หวาดหวั่นหรือหลบกระสุนที่ยิงโต้กลับมาเลย จนศัตรูยิงถูกรางพระแสงปืนที่ทรงอยู่แตกไป
แม้จะจับพระยาจีนตุไม่ได้แต่ความกล้าหาญของพระองค์ก็เป็นที่เลื่องลือ ครั้นพระชนมายุ ๒๔ พรรษา ก็ทรงเป็นแม่ทัพไล่ตีพระทศราชา ซึ่งคุมกองทัพเขมรมาตีโคราชและหัวเมืองชั้นในจนได้ชัยชนะทั้งๆที่กำลังน้อยกว่ามาก จนเขมรขยาดไม่กล้ามารุกรานอีก พอพระชนมายุได้ ๒๖ พรรษาได้แสดงพระปรีชาสามารถในการวางแผนการรบจนตีเมืองคังได้สำเร็จ ขณะที่อีก ๒ กองทัพของพม่าตีไม่สำเร็จ พอพระชนมายุ ๒๙ พรรษาได้ยกทัพไปช่วยรบเมืองอังวะตามคำสั่งหงสาวดี และได้ทราบกลอุบายว่าทางพม่าจะกำจัดพระองค์ จึงแสร้งเดินทัพช้าๆ และต่อมาก็ได้ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง เมื่อพ.ศ. ๒๑๒๗ ทำให้กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นเมืองขึ้นของพม่ามา ๑๕ ปี ไม่ต้องขึ้นกับพม่าอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าหงสาวดี (นันทบุเรง)จึงให้สุรกรรมายกทัพมาตามจับพระองค์ๆจึงได้ยิงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงถูกสุรกรรมาตาย ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาสวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกองค์หนึ่ง ครั้นพระชนมายุ ๓๗ พรรษา ก็ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พระชนมายุ ๔๐ พรรษาเสด็จยกทัพไปตีเมืองเขมร จับพระยาละแวกมาทำพิธีปฐมกรรม (คือตัดศีรษะเอาโลหิตมาล้างพระบาท) และแม้แต่ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี)ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปีพ.ศ. ๒๑๔๘ รวมสิริพระชนมายุได้ ๕๐ พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา ๑๕ ปี
ในหนังสือ ๔๐๐ ปีสมเด็จพระนเรศวร ที่เรียบเรียงโดยนายสมชาย พุ่มสอาด นายสมพงษ์ เกรียงไกรเพชร และนายกมล วิชิตสรศาสตร์ ได้เขียนไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นกษัตริย์ที่ปรากฏว่าทรงรอบรู้ศิลปศาสตร์ ถึง ๑๘ อย่าง อันเป็นวิทยาการสำคัญสำหรับขัตติยราชในโบราณอย่างยอดเยี่ยม เช่น ทรงรอบรู้ในยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ ทรงรอบรู้หลักและวิธีปฏิบัติเพื่อปกครองใจคน อันเป็นหลักการเดียวกับปัจจุบัน และยังทรงรอบรู้อรรถภาษิต โวหาร รู้แต่งและฟังฉันท์ ทรงรู้ฤกษ์ยาม และวิธีโคจรของดาวหรือดาราศาสตร์ ทรงรู้ทิศและพยากรณ์ อีกทั้งทรงรู้มายาเล่ห์เหลี่ยมและเหตุผลต่างๆ เป็นต้น
ซึ่งความรู้เหล่านี้ทรงศึกษาจากพราหมณ์ ปุโรหิตบ้าง จากพระบิดาโดยตรงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทรงศึกษาจากประสบการณ์ของพระองค์เอง รวมทั้งประสบการณ์จากเมืองพม่าเมื่อครั้นไปเป็นตัวประกันอยู่หงสาวดี ทรงเป็นบุรุษที่มีคุณสมบัติเป็นชายชาติทหารสมกับเป็นนักปกครองอย่างเต็มเปี่ยม คือ ทรงมีความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง อีกทั้งยังมีน้ำใจห้าวหาญ เด็ดขาด และมีฝีมือในการต่อสู้ยิ่ง
จากพระราชประวัติโดยสังเขปข้างต้น คงจะทำให้เด็กๆเยาวชน และเราได้ซาบซึ้งและภาคภูมิใจในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย์ของไทยยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ตลอดพระชนมชีพได้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์มาโดยตลอด จึงขอเชิญชวนให้พวกเราที่เป็นอนุชนรุ่นหลังได้ปฏิบัติหน้าที่ของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตให้สมกับที่พระองค์ท่านได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อรักษาชาติ รักษาแผ่นดินจนตกมาถึงพวกเราในปัจจุบัน
................................................
ในวันที่ 18 มกราคม 2550 ประกาศเป็นวันกองทัพไทยเป็นปีแรก ซึ่งก่อนหน้านี้คือ“วันยุทธหัตถี” หรือที่เรียกว่า “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
“วันยุทธหัตถี” หรือที่เรียกว่า “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หมายถึง วันที่ระะลึกที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่า เมื่อวันจันทร์ เดือน ๒ แรม ๒ ค่ำ จุลศักราช ๙๕๔ อันตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ กำหนดให้วันที่ ๑๘ มกราคม ของทุกปีเป็น “วันยุทธหัตถี” (แทนวันที่ ๒๕ มกราคม เนื่องจากนายประเสริฐ ณ นคร ราชบัณฑิต ได้คำนวณแล้วพบว่าการนับวันทางจันทรคติของวันกระทำยุทธหัตถีเดิมที่ตรงกับวันจันทร์ เดือน ๒ แรม ๒ ค่ำ จุลศักราช ๙๕๔ ที่กำหนดเป็นวันที่ ๒๕ มกราคมนั้น คลาดเคลื่อน จึงได้มีการเปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง) และถือวันนี้เป็นวันรัฐพิธี โดยให้มีการวางพานพุ่มสักการะ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ
ยุทธหัตถี หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการรบอย่างกษัตริย์สมัยโบราณ ถือเป็นคติมาแต่ดึกดำบรรพ์ว่า ยุทธหัตถีหรือการชนช้างเป็นยอดยุทธวิธีของนักรบ เพราะเป็นการต่อสู้อย่างตัวต่อตัว แพ้ชนะกันด้วยความคล่องแคล่วแกล้วกล้า กับการชำนิชำนาญในการขับขี่ช้างชน โดยมิต้องอาศัยรี้พลหรือกลอุบายแต่อย่างใด เพราะโดยปกติ ในการทำสงครามโอกาสที่จอมทัพทั้งสองฝ่ายจะเข้าใกล้ชิดจนถึงชนช้างกันมีน้อยมาก ดังนั้น กษัตริย์พระองค์ใดกระทำยุทธหัตถีชนะก็จะได้รับการยกย่องว่า มีพระเกียรติยศสูงสุด และแม้แต่ผู้แพ้ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นนักรบแท้
ในสมัยอยุธยามีการยุทธหัตถี รวม ๓ ครั้ง คือ ครั้งแรกในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระ อินทราชาพระเจ้าลูกยาเธอได้ชนช้างกับข้าศึกที่นครลำปาง และถูกปืนสิ้นพระชนม์ ครั้งที่สองในแผ่นดินพระมหาจักรพรรดิ ได้ชนช้างกับพระเจ้าแปรกรุงหงสาวดี และสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ต้องอาวุธข้าศึกทิวงคต และครั้งที่สาม ก็คือครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชชนช้างกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี จนได้รับชัยชนะ ซึ่งยุทธหัตถีครั้งนี้กล่าวกันว่าเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ และเป็นวีรกรรมครั้งสำคัญที่ทำให้พระเกียรติยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นที่เลื่องลือไปไกล
หลังจากนั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าไม่มีข้าศึกใดกล้ายกทัพมารุกรานเรานานถึง ๑๕๐ ปี ดังนั้น ในโอกาสครบรอบ ๔๑๕ ปีแห่งวันกระทำยุทธหัตถีจนได้รับชัยชนะ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอนำพระราชประวัติโดยย่อของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ ๑๘ แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๐๙๘ ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระบิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี ผู้เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และพระสุริโยทัยวีรกษัตรีย์ของไทยเป็นพระมารดา จึงอาจกล่าวได้ว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงได้รับพระสายโลหิตความเก่งกล้าสามารถสืบเนื่องมาจากพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทางพระชนก และเลือดพระสุริโยทัยซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกา(ยาย)ทางพระมารดา
ทรงมีพระสุพรรณกัลยา เป็นพระพี่นาง และมีพระเอกาทศรถเป็นพระอนุชา เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ๑๕ ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๑๓๓ จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๑๔๘ ทรงอุทิศเวลาเกือบตลอดรัชสมัยให้กับการศึกสงครามเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความยิ่งใหญ่ให้กรุงศรีอยุธยาตลอดมา ทำให้ทรงไม่มีพระมเหสีและพระราชโอรสธิดา ดังนั้น เมื่อเสด็จสวรรคต พระเอกาทศรถจึงได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อมา
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเชี่ยวชาญการรบยิ่ง ทรงฉลาดในการวางแผนยุทธวิธีและอุบายกระบวนศึกที่ไม่เหมือนผู้ใดในสมัยเดียวกัน ทรงเป็นผู้ริเริ่มการรบแบบกองโจร คือ ใช้คนน้อยแต่สามารถต่อสู้กับคนจำนวนมากได้ พระองค์มีความสามารถในการใช้อาวุธที่ทำการรบแทบทุกชนิดอย่างเชี่ยวชาญยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนไม่ว่าจะเป็นปืน ดาบ ทวนหรือง้าว เป็นต้น
ฝีมือการรบของพระองค์นั้นเรียกได้ว่าเก่งกาจจนเป็นที่ครั่นคร้ามแก่ข้าศึกศัตรู ดังปรากฏในพงศาวดารพม่าพอสรุปได้ว่า วันหนึ่งพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ทรงตัดพ้อว่า ไม่มีใครที่จะอาสามาสู้รบกับกรุงศรีอยุธยาเลย ทั้งๆที่พระนเรศวรมีรี้พลแค่หยิบมือเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปรบพุ่ง พระยาลอ ขุนนางคนหนึ่ง จึงทูลว่า กรุงศรีอยุธยานั้น สำคัญที่พระนเรศวรองค์เดียว เพราะกำลังหนุ่ม รบพุ่งเข้มแข็งทั้งบังคับบัญชาผู้คนก็สิทธิ์ขาดรี้พลทั้งนายไพร่กลัวพระนเรศวรยิ่งกว่ากลัวความตาย เจ้าให้รบพุ่งอย่างไรก็ไม่คิดแก่ชีวิตด้วยกันทั้งนั้น คนน้อยจึงเหมือนคนมาก ข้อความดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพระบารมีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้อย่างชัดเจน
อาจกล่าวได้ว่าตลอดพระชนมชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่เคยทรงอยู่อย่างสะดวกสบายและต้องทรงกระทำการรบมาโดยตลอด กล่าวคือ เมื่อพระชนมายุ ๙ พรรษาก็ต้องไปเป็นตัวประกันที่หงสาวดีอยู่ ๖ ปี ครั้นเสด็จ กลับมากรุงศรีอยุธยาเมื่อพระชนมายุ ๑๕ พรรษา ปีต่อมาพระบิดาก็ส่งไปครองเมืองพิษณุโลก มีอำนาจบัญชาการหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งหมด ได้ทรงจัดฝึกทหารแบบใหม่ พอพระชนมายุ ๑๙ พรรษาทรงยกกองทัพไปพร้อมพระบิดาเพื่อช่วยทัพหลวงกรุงหงสาวดีตีเมืองเวียงจันทร์ ครั้นพระชนมายุ ๒๓ พรรษา ได้ลงเรือไล่ติดตามพระยาจีนตุขุนนางจีนเมืองเขมรที่หนีไป โดยใช้พระแสงปืนยิงต่อสู้ด้วยพระองค์เอง อย่างไม่หวาดหวั่นหรือหลบกระสุนที่ยิงโต้กลับมาเลย จนศัตรูยิงถูกรางพระแสงปืนที่ทรงอยู่แตกไป
แม้จะจับพระยาจีนตุไม่ได้แต่ความกล้าหาญของพระองค์ก็เป็นที่เลื่องลือ ครั้นพระชนมายุ ๒๔ พรรษา ก็ทรงเป็นแม่ทัพไล่ตีพระทศราชา ซึ่งคุมกองทัพเขมรมาตีโคราชและหัวเมืองชั้นในจนได้ชัยชนะทั้งๆที่กำลังน้อยกว่ามาก จนเขมรขยาดไม่กล้ามารุกรานอีก พอพระชนมายุได้ ๒๖ พรรษาได้แสดงพระปรีชาสามารถในการวางแผนการรบจนตีเมืองคังได้สำเร็จ ขณะที่อีก ๒ กองทัพของพม่าตีไม่สำเร็จ พอพระชนมายุ ๒๙ พรรษาได้ยกทัพไปช่วยรบเมืองอังวะตามคำสั่งหงสาวดี และได้ทราบกลอุบายว่าทางพม่าจะกำจัดพระองค์ จึงแสร้งเดินทัพช้าๆ และต่อมาก็ได้ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง เมื่อพ.ศ. ๒๑๒๗ ทำให้กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นเมืองขึ้นของพม่ามา ๑๕ ปี ไม่ต้องขึ้นกับพม่าอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าหงสาวดี (นันทบุเรง)จึงให้สุรกรรมายกทัพมาตามจับพระองค์ๆจึงได้ยิงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงถูกสุรกรรมาตาย ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาสวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกองค์หนึ่ง ครั้นพระชนมายุ ๓๗ พรรษา ก็ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พระชนมายุ ๔๐ พรรษาเสด็จยกทัพไปตีเมืองเขมร จับพระยาละแวกมาทำพิธีปฐมกรรม (คือตัดศีรษะเอาโลหิตมาล้างพระบาท) และแม้แต่ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี)ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปีพ.ศ. ๒๑๔๘ รวมสิริพระชนมายุได้ ๕๐ พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา ๑๕ ปี
ในหนังสือ ๔๐๐ ปีสมเด็จพระนเรศวร ที่เรียบเรียงโดยนายสมชาย พุ่มสอาด นายสมพงษ์ เกรียงไกรเพชร และนายกมล วิชิตสรศาสตร์ ได้เขียนไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นกษัตริย์ที่ปรากฏว่าทรงรอบรู้ศิลปศาสตร์ ถึง ๑๘ อย่าง อันเป็นวิทยาการสำคัญสำหรับขัตติยราชในโบราณอย่างยอดเยี่ยม เช่น ทรงรอบรู้ในยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ ทรงรอบรู้หลักและวิธีปฏิบัติเพื่อปกครองใจคน อันเป็นหลักการเดียวกับปัจจุบัน และยังทรงรอบรู้อรรถภาษิต โวหาร รู้แต่งและฟังฉันท์ ทรงรู้ฤกษ์ยาม และวิธีโคจรของดาวหรือดาราศาสตร์ ทรงรู้ทิศและพยากรณ์ อีกทั้งทรงรู้มายาเล่ห์เหลี่ยมและเหตุผลต่างๆ เป็นต้น
ซึ่งความรู้เหล่านี้ทรงศึกษาจากพราหมณ์ ปุโรหิตบ้าง จากพระบิดาโดยตรงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทรงศึกษาจากประสบการณ์ของพระองค์เอง รวมทั้งประสบการณ์จากเมืองพม่าเมื่อครั้นไปเป็นตัวประกันอยู่หงสาวดี ทรงเป็นบุรุษที่มีคุณสมบัติเป็นชายชาติทหารสมกับเป็นนักปกครองอย่างเต็มเปี่ยม คือ ทรงมีความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง อีกทั้งยังมีน้ำใจห้าวหาญ เด็ดขาด และมีฝีมือในการต่อสู้ยิ่ง
จากพระราชประวัติโดยสังเขปข้างต้น คงจะทำให้เด็กๆเยาวชน และเราได้ซาบซึ้งและภาคภูมิใจในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย์ของไทยยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ตลอดพระชนมชีพได้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์มาโดยตลอด จึงขอเชิญชวนให้พวกเราที่เป็นอนุชนรุ่นหลังได้ปฏิบัติหน้าที่ของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตให้สมกับที่พระองค์ท่านได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อรักษาชาติ รักษาแผ่นดินจนตกมาถึงพวกเราในปัจจุบัน
................................................
วัน ครู
วันครู ประวัติวันครู
วันครู
ในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 16 มกราคมของทุกๆ ปี เป็น วันครู และการจัดงานวันครู ได้มีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 และให้ดำเนินเรื่อยมาทุกปี นับตั้งแต่บัดนั้นมา โดยจัดให้มี วันครู ขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ
ความหมายของครู
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ
ความสำคัญของครู
ในชีวิตของคนเราถือว่า บิดามารดา เป็นผู้มีพระคุณอันสูงสุด เพราะท่านเป็นผู้ให้ชีวิต ให้ความรัก ให้ความเมตตา มีความห่วงใย และเสียสละเพื่อลูก นอกจาก บิดามารดา แล้ว ก็มีครูเป็นผู้มีพระคุณคล้าย บิดามารดา คือ เป็นผู้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ รวมทั้งให้ความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ทุกคน นับได้ว่าครูเป็นผู้เสียสละที่ไม่แพ้บุพการี
ครูจึงนับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก ในการให้การศึกษาเรียนรู้ ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ ตลอดเป็นผู้มีความเสียสละ ดูแลเอาใจใส่ สั่งสอนอบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา อันเป็นหนทางแห่งการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง รวมทั้งนำพาสังคมประเทศชาติ ก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ฉะนั้นวันที่ 6 ตุลาคม จึงได้เป็นวันครูสากล เพื่อคนที่เป็นครูทั่วโลกที่เสียสละนำพาเราทุก ๆคน ไปถึงฝั่งฝันนั่นเอง
ประวัติความเป็นมา
วันครู ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครู และครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้ และความสามัคคีของครู
ทุกปีคุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา เป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา
พ.ศ.2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า
"ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า วันครู ควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"
จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ให้มีวันครูเพี่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพจารย์ ส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครูและพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน
คณะมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น วันครู โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 เป็น วันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว
งานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญ คือ หนังประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
บทสวดเคารพครู
(สวดนำ) ปาเจราจริยาโหนฺติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกา
ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ
(สวดทำนองสรภัญญะ)
(สวดนำ) อนึ่งข้าคำนับน้อม (รับพร้อมกัน) ต่อพระครูผู้การุณย์
โอบเอื้อและเจือจุน อนุศาสน์ทุกสิ่งสรรพ์
ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน
ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอรรถให้ชัดเจน
จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน
เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม
ขจัดเขลาบรรเทาโม หะจิตมืดที่งุนงม
กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ
คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร
ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชม
(กราบ)
การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันครู
เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาท และหน้าที่ของครู ตลอดจนจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีครู และบทบาทหน้าที่ของศิษย์ที่พึงปฏิบัติต่อครู คลอดจนการจัดกิจรรมได้เหมาะสม และมีประสิทธภาพ
กิจกรรมวันครู
การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตนการกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬา หรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น
(สวดนำ) ปาเจราจริยาโหนฺติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกา
ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ
(สวดทำนองสรภัญญะ)
(สวดนำ) อนึ่งข้าคำนับน้อม (รับพร้อมกัน) ต่อพระครูผู้การุณย์
โอบเอื้อและเจือจุน อนุศาสน์ทุกสิ่งสรรพ์
ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน
ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอรรถให้ชัดเจน
จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน
เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม
ขจัดเขลาบรรเทาโม หะจิตมืดที่งุนงม
กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ
คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร
ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชม
(กราบ)
การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันครู
เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาท และหน้าที่ของครู ตลอดจนจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีครู และบทบาทหน้าที่ของศิษย์ที่พึงปฏิบัติต่อครู คลอดจนการจัดกิจรรมได้เหมาะสม และมีประสิทธภาพ
กิจกรรมวันครู
การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตนการกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬา หรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น
ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วย บุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับ ส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอ
รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยคุรุสภา คณะกรรมการการจัดงาน วันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์จำนวน 1,000 รูป
หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีกล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
จากนั้นประธานจัดงาน วันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบ 1 นาที เพื่อรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อด้วยครูอาวุโสในประจำการ ผู้นำร่วมประชุมกล่าวปฏิญาณ
รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยคุรุสภา คณะกรรมการการจัดงาน วันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์จำนวน 1,000 รูป
หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีกล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
จากนั้นประธานจัดงาน วันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบ 1 นาที เพื่อรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อด้วยครูอาวุโสในประจำการ ผู้นำร่วมประชุมกล่าวปฏิญาณ
คำปฏิญาณตนของครู
ข้อ 1 ข้าจะบำเพ็ญตน ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2 ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3 ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครู และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จากนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคล แล้วต่อด้วยนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอก และในประจำการ สุดท้ายกล่าวปราศรัยกับคณะครูที่มาประชุม
มารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู 1. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
2. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
3. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตน ให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้
4. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
5. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
6. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
7. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตน
8. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ
9. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา
10. รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน
วันเด็กแห่งชาติ
วันเด็กแห่งชาติ งานวันเด็ก ปี 2555
วันเด็กแห่งชาติ 2555
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ดังนี้“สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี”
ทั้งนี้ในวันที่ 14 ม.ค. 2555 ซึ่งเป็น วันเด็กประจำปี 2555 นายกฯก็มีกำหนดเข้าร่วมกิจกรรมงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
ประวัติวันเด็กแห่งชาติ
งาน วันเด็กแห่งชาติ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติรัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติ จัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้
รวมคำขวัญวันเด็ก
ปี | นายกรัฐมนตรี | คำขวัญ |
---|---|---|
พ.ศ. 2499 | จอมพล ป. พิบูลสงคราม | จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม |
พ.ศ. 2502 | จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า |
พ.ศ. 2503 | จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด |
พ.ศ. 2504 | จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย |
พ.ศ. 2505 | จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด |
พ.ศ. 2506 | จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด |
พ.ศ. 2507 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ |
พ.ศ. 2508 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี |
พ.ศ. 2509 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี |
พ.ศ. 2510 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย |
พ.ศ. 2511 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง |
พ.ศ. 2512 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ |
พ.ศ. 2513 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส |
พ.ศ. 2514 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ |
พ.ศ. 2515 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ |
พ.ศ. 2516 | จอมพล ถนอม กิตติขจร | เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ |
พ.ศ. 2517 | นายสัญญา ธรรมศักดิ์ | สามัคคีคือพลัง |
พ.ศ. 2518 | นายสัญญา ธรรมศักดิ์ | เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี |
พ.ศ. 2519 | หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช | เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้ |
พ.ศ. 2520 | นายธานินทร์ กรัยวิเชียร | รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย |
พ.ศ. 2521 | พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง |
พ.ศ. 2522 | พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | เด็กไทยคือหัวใจของชาติ |
พ.ศ. 2523 | พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย |
พ.ศ. 2524 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม |
พ.ศ. 2525 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย |
พ.ศ. 2526 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม |
พ.ศ. 2527 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา |
พ.ศ. 2528 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม |
พ.ศ. 2529 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม |
พ.ศ. 2530 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม |
พ.ศ. 2531 | พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม |
พ.ศ. 2532 | พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ | รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม |
พ.ศ. 2533 | พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ | รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม |
พ.ศ. 2534 | พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ | รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา |
พ.ศ. 2535 | นายอานันท์ ปันยารชุน | สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม |
พ.ศ. 2536 | นายชวน หลีกภัย | ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม |
พ.ศ. 2537 | นายชวน หลีกภัย | ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม |
พ.ศ. 2538 | นายชวน หลีกภัย | สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม |
พ.ศ. 2539 | นายบรรหาร ศิลปอาชา | มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด |
พ.ศ. 2540 | พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ | รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด |
พ.ศ. 2541 | นายชวน หลีกภัย | ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย |
พ.ศ. 2542 | นายชวน หลีกภัย | ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย |
พ.ศ. 2543 | นายชวน หลีกภัย | มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย |
พ.ศ. 2544 | นายชวน หลีกภัย | มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย |
พ.ศ. 2545 | พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร | เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส |
พ.ศ. 2546 | พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร | เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี |
พ.ศ. 2547 | พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร | รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน |
พ.ศ. 2548 | พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร | เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด |
พ.ศ. 2549 | พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร | อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด |
พ.ศ. 2550 | พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ | มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข |
พ.ศ. 2551 | พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ | สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม |
พ.ศ. 2552 | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี |
พ.ศ. 2553 | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม |
พ.ศ. 2554 | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ |
พ.ศ. 2555 | น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร | สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี |
สถานที่จัดงานวันเด็ก 2555
รวมสถานที่จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555
14 ม.ค. 2012
กองทัพอากาศ
จัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม นี้ โดยนอกจากเด็ก ๆ จะได้พบกับเครื่องบินแบบต่าง ๆ ของกองทัพอากาศที่มีประจำการแล้ว ปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะได้ยลโฉม เครื่องบินขับไล่แบบ GRIPEN 39 C/D และการเปิดตัวหมู่บินผาดแผลงบูลฟีนิกซ์ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในปี 2555นี้ ครบรอบ 100 ปี การบินบุพการทหารอากาศ
สนามเสือป่า
กระทรวงศึกษาธิการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 วันที่ 14มกราคม โดยกิจกรรมไฮไลต์ของปีนี้ คือ การจัดบอลลูนลอยฟ้า การฉายภาพยนตร์ 4 มิติ กิจกรรมแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัลเกมผจญภัยและอื่นๆอีกมากมาย
สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)
สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เตรียมจัด งานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และร่วมกับพื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม เพื่อส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ภายในงานจะมีเวทีหลัก มีกิจกรรมฐานต่าง ๆ เช่น ปาเป้า เพนท์ตุ๊กตา งานจักสาน วาดภาพ งานปั้น เกมต่าง ๆ 20 กิจกรรม และกิจกรรมอื่นอีกมากมาย ของรางวัลเพียบจัดเต็ม
ตลาดนัดจตุจักร
กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (ตลาดนัดจตุจักร) ร่วมกับผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร กำหนดจัดงาน วันเด็กแห่งชาติ ขึ้นในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2555 ระหว่าง เวลา 09.00น. – 16.00 น. ณ บริเวณเต็นท์หน้ากองอำนวยการตลาดนัดจตุจักรโดยมีการจัดกิจกรรมการประกวดวาดภาพการประกวดหนูน้อยขวัญใจตลาดนัดจตุจักรแข่งขันเล่นเกมส์ชิงรางวัลพร้อมทั้งบริการอาหารเครื่องดื่มและรับของที่ระลึกฟรีตลอดงาน
พิพิธพาเพลิน ตอนพิเศษ”เทศกาลวันเด็ก ปี2555″
ณ มิวเซียมสยาม
วันเด็กที่จะถึงนี้ “Museum Siam” ชวนน้อง ๆ เพื่อน ๆ มาร่วมสนุก เสริมความรู้ แต้มสีสันให้จินตนาการ กับกิจกรรมพิพิธพาเพลิน ตอนพิเศษ “เทศกาลวันเด็ก ปี 2555” พบกับกิจกรรมการเรียนรู้มากมาย และพิเศษสุด!! มิวเซียมสยาม เปิดให้ทุกคนเข้าชมฟรีพบกัน วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ที่มิวเซียมสยาม เวลา 10.00 – 18.00 น. สอบถาม: โทร. 02 225 2777 ต่อ 414 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan
เพลงวันเด็ก
เนื้อเพลงหน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ยเด็กดี)
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
หนึ่ง นับถือศาสนา
สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ เพลงหน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ยเด็กดี) – เพลงวันเด็กแห่งชาติ
สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
ห้า ยึดมั่นกตัญญู
หก เป็นผู้รู้รักการงาน
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
แปด รู้จักออมประหยัด
เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา
จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
เพลงช้าง
เนื้อเพลง ช้าง ช้าง ช้าง
ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้อง เคยเห็นช้าง รึเปล่า
ช้างมันก้อตัวไม่เบาจมูกยาวๆเรียกว่างวง
มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา มีหูมีตาหางยาว…
***
กลอนวันเด็ก
กลอนเด็กดี
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า
เด็กเกิดมาบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว
โลกเสื่อมโทรมแต้มสีราคีคาว
เด็กต้องก้าวต่อไปทางไกลนัก
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า
เด็กเกิดมาบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว
โลกเสื่อมโทรมแต้มสีราคีคาว
เด็กต้องก้าวต่อไปทางไกลนัก
โลกสับสนปนเปื้อนเกลื่อนวิปริต
สิ่งแวดล้อมเป็นพิษติดกับดัก
โลกเศร้าหมองหม่นใจขาดไร้รัก
จมในปลักโสมมสังคมทราม …
สิ่งแวดล้อมเป็นพิษติดกับดัก
โลกเศร้าหมองหม่นใจขาดไร้รัก
จมในปลักโสมมสังคมทราม …
………………………………………………………………..
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2554
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2554
วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันสำคัญในประเทศไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้ คำขวัญวันเด็ก ทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
คำขวัญวันเด็ก
คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันคำขวัญวันเด็ก ปี 2554
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของไทย ได้มอบคำขวัญ
เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 นี้ว่า
เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 นี้ว่า
“รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ”
รวมสถานที่จัดงานวันเด็ก ปี2554
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
นางสาวสาลิน วิรบุตร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ขอเชิญ น้อง ๆ หนู ๆ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ในเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ภายใต้หัวข้อ Smart Kids : เด็กดี คิดดี ทำดีตื่นตากับกิจกรรม การแสดงบนเวที ดนตรี เกม การเล่นที่หลากหลาย ในบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ชมละครวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย เรื่องสายรุ้งล่องหน ร่วมสนุกกับเกม และกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงานอย่างมากมาย อาทิ
Smart Kids : นักจินตนาการ ชมการแสดงผลงาน “พลังฝันสร้างสรรค์อนาคต” ของเด็กที่ชนะการประกวดของฮอนด้า
Smart kids : นักสร้างสรรค์ ได้แก่ เสียงจากจักจั่น, กระดุมสร้างสรรค์, ตุ๊กตาไต่ราว, วิศวกรน้อย, เลเซอร์เต้นระบำ, พับกระดาษ ยานอวกาศ รูปทรงสี่หน้า และพับกระดาษรูปสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
Smart Kids : นักแข่งขัน ได้แก่ หุ่นยนต์เดินตามแสง, โดมิโน, ปืนแม่เหล็ก และสถาปัตยกรรมกระดาษ
Smart Kids : นักทดลอง ได้แก่ มนต์เปลี่ยนสี
Smart Kids : Smart Photo เก็บภาพวัยเยาว์ Smart Kids : สนุกคิดกับ สสวท. และ
Smart Kids : ครอบครัวสัมพันธ์ พร้อมชมการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม และภาพยนตร์ดาราศาสตร์ 3 มิติ
นอกจากนี้ ยังได้จัดการแสดงทางท้องฟ้าจำลอง ฉายภาพยนตร์เต็มโดมเรื่อง “มหัศจรรย์แห่งจักรวาล” ซึ่งเด็ก ๆ สามารถร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งชมนิทรรศการวิทยาศาสตร์ทุกอาคาร ฟรี มีของที่ระลึกแจก ร่วมลุ้นรับของรางวัลอีกมากมาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มการตลาดและประชาสัมพันธ์ โทร. 0 2392 1773, 0 2391 0544
กิจกรรมฉลอง 40 ปี บีเลิฟ โดราเอมอน ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554
เอไอ (ไทยแลนด์) ขอเชิญร่วมกิจกรรมฉลอง 40 ปี บีเลิฟ โดราเอมอน ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554 ครั้งแรกในเมืองไทยกับโมเดลโดราเอมอนและผองเพื่อนพร้อมฉากแห่งความทรงจำ สนุกสนานตะลุยด่านของวิเศษเพื่อพบกับดาราการ์ตูนโดราเอมอนและผองเพื่อน บินตรงจากประเทศญี่ปุ่น มาร่วมชมและให้กำลังใจกับการประกวดร้องและเต้นชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และโชว์สุดฮิต Baby Mime และมินิคอนเสิร์ตของ ชูก้า อายส์ และ เนโกะ จั๊มพ์ ในระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2554 ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา ชั้น G จัดงานวันเด็ก Toys World วันที่ 6 – 16 มกราคม 2554
โดย ในวันที่ 8 และ วันที่15-16 มกราคม 2554 นี้ และเตรียมพบกับสินค้าของ DEX ราคาพิเศษได้ภายในงาน และ พบกับฮีโร่ตัวจริงในงาน Meet & Greet Ultraman Mebiusในวันที่ 8-9 มกราคม 2554 ขอเชิญน้อง ๆ ระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ เข้าประกวด Shelldon Singing & Dancing Contest
ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พร้อมทุนการศึกษากว่า 100,000 บาท
กรุงเทพฯและภาคกลาง ณ ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ วันที่ 9 มกราคม 2554
อ่านรายละเอียดที่ เว็บนี้ครับ
กทม.จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 54 ที่สวนรถไฟ
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานแถลงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2554ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร พร้อมกล่าวว่า กิจกรรมภายในงานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Kid Power” แบ่งออกเป็น 6 ฐาน ได้แก่ 1.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจสุขภาพ โดยสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ 2.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ สำนักผังเมือง และสำนักการคลัง 3.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจความปลอดภัย โดยสำนักการจราจรและขนส่ง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักการโยธา
4. ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจการเรียนรู้ กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ โดยสำนักการศึกษา 5. ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจความพอเพียง โดยสำนักพัฒนาสังคม สำนักเทศกิจ และสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร และ 6.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับความรู้ ทักษะและประสบการณ์ต่าง ๆ ไปประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
นอกจากนี้ ยังมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนจำนวน 500 ทุน และภายในงานยังมีซุ้มอาหารเครื่องดื่มฟรีให้แก่เด็ก ๆ และครอบครัวที่มาร่วมงาน
ขณะเดียวกันระหว่างวันที่ 7-15 มกราคม กทม.ได้จัดสัปดาห์วันเด็ก ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์เยาวชนของกรุงเทพมหานครทั้ง 37 แห่ง ศูนย์กีฬา 10 แห่ง ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ 34 แห่ง และพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครเด็กและเยาวชน ซึ่งมีกิจกรรมการแข่งขันเกม กีฬา การละเล่นต่าง ๆ การตอบปัญหาชิงรางวัล การแสดงบนเวที สวนสนุก และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้ร่วมสนุกในช่วงวันเด็กแห่งชาติ.-สำนักข่าวไทย
เรือรบหลวง จักรีนฤเบศร ร่วมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค 54
ณ ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี
ณ ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี
ในงานวันเด็กแห่งชาติ 8 ม.ค. ปีนี้ นอกจากรัฐบาลจะจัดงานใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลเช่นเดียวกับทุกปีแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็กชื่อว่าโครงการ “จิ๋วเรนเจอร์” โดยมีเด็กที่เข้าร่วมประมาณ 50 คนคัดเลือกมาจากโครงการเอื้ออาทร คู้บอน กทม. เด็กกลุ่มนี้จะมีภารกิจคอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับเด็กๆที่ ไปเที่ยวงาน โดยจะกระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆในทำเนียบ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งจะเป็นจุดที่มีเด็กที่รอเข้าคิวเพื่อเข้าชมภายในและนั่งเก้าอี้นายกฯ จำนวนมาก เด็กทั้งหมดจะได้รับการฝึกการปฏิบัติหน้าที่จากทีมตำรวจของทำเนียบ และจะมีการคัดเลือกเด็ก 6 คน ประกอบด้วย ด.ช.เด่นพงษ์ เจริญตา โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ , ด.ญ.ลลิตา คงมั่น ,ด.ญ.ชลดา คงมั่น , ด.ช.ธรรมสรณ์ สวนพุทธ , ด.ญ.ปิยธิดา วานิชพงศ์ โรงเรียนวัดคู้บอน และ ด.ช.สายฟ้า วงศ์เกลี้ยง โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งเด็กทั้งหมด จะทำหน้าที่อารักขานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตลอดเวลาที่นายกฯปฎิบัติภารกิจในทำเนียบตลอดวันเด็ก
นายวิทเยนทร์ มุตตามระ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ริเริ่มโครงการ เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะให้เด็กได้มาดูแลความเรียบร้อยของงานวันเด็ก ทำเนียบด้วยตัวเอง ซึ่งนายกฯเห็นชอบให้จัดขึ้น เป็นการกระตุ้นให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กที่นายกฯอยากให้เด็กไทยยุคนี้มีจิตสาธารณะ เพราะเด็กที่เข้าร่วมโครงการนี้เป็นอาสาสมัคร มาดูแลเพื่อนๆที่ไปเที่ยวงานวันเด็กที่ทำเนียบ ซึ่งคาดว่าจะมีนับหมื่นคน โดยทั้งหมดจะได้รับการฝึกจากตำรวจทำเนียบรัฐบาล ทุกวันก่อนที่จะถึงวันเด็กและในวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.จะมีการซ้อมใหญ่ที่ทำเนียบ ในวันนั้นนายกรัฐมนตรี จะทำพิธีสวมหมวก “จิ๋วเรนเจอร์” ให้เด็กที่จะมาปฎิบัติหน้าที่ทุกคนด้วย
ที่ผ่านมา เด็กที่ชุมชนนี้ได้แจ้งเหตุไฟใหม้ หรือเหตุร้ายต่างๆ ตรวจสอบคนที่เข้าออก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปรากว่าข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นว่ามีการฝึกกองกำลังชุดดำเพื่อนำไปใช้ ทางการเมือง เมื่อตนมาตรวจสอบจึงทราบว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริงและเห็นว่าเป็นโครงการที่มี ประโยชน์ สามารถป็นชุมชนต้นแบบสำหรับชุมชนอื่นที่จะนำไปสร้างระบบการดูแลชุมชนของตัว เองจึงให้การสนับสนุน
สวนเสือศรีราชา ชวนเที่ยวงานวันเด็ก 2554
สวนเสือศรีราชา ชวนน้องๆ หนูๆ มาหฤหรรษ์ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554 โดยภายในงาน น้องๆ จะมีโอกาสได้ชมอาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ อาทิ ปืนใหญ่ รถยนต์ต่างๆ จากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ อีกทั้งน้องๆ ยังได้ร่วมสนุกกับเกมต่างๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลอีกมากมาย ฟรีพิเศษ ! เด็กส่วนสูงไม่เกิน 140 ซม. และนักเรียนในเครื่องแบบ เข้าชมฟรี !!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 038 296 556-8
งานวันเด็ก TK park “สนุก เล่น เห็นโลกกว้าง ตอน ท่องแดนนานาชาติ”
วันเสาร์ที่ 8 และอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 10.30 – 18.00 น.
ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 ศูนย์การเรียนรู้เซ็นทรัลเวิลด์
- เรียนรู้วิถีชีวิตและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศทั่วโลก ผ่านการแสดง การละเล่น อาหารการกิน และชุดแต่งกายประจำชาติ
- ตะลุยแรลลี่เกมสร้างสรรค์ล่ารางวัลมากมาย พร้อมลุ้นจับฉลากของรางวัลใหญ่
- ชมโชว์หลากหลายการแสดงจากนานาประเทศ โดยน้องๆ เยาวชนคนเก่งและพี่ๆ มืออาชีพ
- เพลิดเพลินกับกิจกรรมและเวิร์คช็อปที่มาพร้อมสาระและความบันเทิง อาทิเช่น กิจกรรมเล่านิทานพับกระดาษ กิจกรรมเ้พ้นท์ใบหน้าเป็นธงชาติประเทศต่างๆ พร้อมชมภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องโปรดของคุณหนูๆ
มาร่วมท่องแดนนานาชาติด้วยกัน สองวันเต็มๆ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 Dazzle Zone ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-264-5963-5 ต่อ 135 หรือ www.tkpark.or.th
ประกวด “MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ’2554
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3ขอเชิญเยาวชน อายุระหว่าง 5-14 ปี เข้าร่วมประกวด “MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ’2554
8 มกราคม 2554 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 เอาใจน้องๆ หนูๆ ขาแด๊นซ์ จัดประกวด “MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ การประกวดร้อง เล่น เต้น สไตล์ไมเคิล แจ๊คสัน เยาวชนระดับอายุ 5-14 ปี ชิงทุนการศึกษา โล่รางวัลพร้อมประกาศนียบัตร และของรางวัลมากมาย โดยได้รับเกียรติจาก Commentators ชื่อดัง เป็นกรรมการตัดสิน พร้อมพบกับ
• Booth ของแจกสำหรับเด็กๆ และการออกร้านของที่ระลึก Michael Jackson’s และสินค้า เพื่อเด็กๆ
• Mini Concert จากนักร้องนักเต้น และเกมส์เพื่อเด็กๆ อีกมากมาย
มาพิสูจน์ความสามารถเด็กไทยและ ร่วมเป็นกำลังใจได้ในงาน”MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ วันที่ 8 – 9 มกราคม 2554 ณ ชั้น 1 โซนลิฟท์แก้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3
ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://www.centralplaza.co.th/download/MJ_A5_Final.pdf
เที่ยววันเด็ก กับ BTS ฟรี สำหรับเด็กที่สูงไม่เกิน 140 ซม.
เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 บริษัทฯ ได้ร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี ด้วยการเปิดโอกาสให้เด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ฟรี ตั้งแต่เวลา 06.00น. ถึง 24.00 น. อีก ทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กๆได้มีประสบการณ์เรียนรู้การเดินทางด้วย ระบบขนส่งมวลชน โดยเด็กจะต้องเดินทางพร้อมผู้ปกครอง ขึ้นและลงสถานีเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวก ให้เด็กเข้าออกในระบบอย่างปลอดภัยโดยผ่านประตูพิเศษ ติดต่อขอรับคูปองการเดินทางฟรีได้ทั้ง 25 สถานี
สำหรับสถานที่จัดกิจกรรมวัน เด็กในเส้นทางรถไฟฟ้า ได้แก่ งานรวมพลังเยาวชนไทย พลังแห่งแผ่นดิน เทิดไท้องค์ภูมินทร์ นวมินทร์มหาราชา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ สนามกีฬาเทพหัสดิน โดยผู้ปกครองและเด็กที่ต้องการจะไปร่วมงาน จะต้องลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ หาก จะไปเที่ยวชมศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือท้องฟ้าจำลอง นั่งรถไฟฟ้าลงที่สถานีเอกมัย ส่วนเข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร สามารถลงที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต เป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ฮอตไลน์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2617 6000 หรือที่ ส่วนสื่อสารองค์กร หมายเลขโทรศัพท์ 0 2617 7300 ในเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์
CPN KIDS’ DAY 2011 เที่ยวงานวันเด็กที่ เซ็นทรัล พัทยา บีช
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช จัดงาน CPN KIDS’ DAY 2011 รับเทศกาลวันเด็กปี 2554 “รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ” ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์และสนุกสนานสำหรับเด็ก ๆ มากมาย พร้อมชักชวนเด็ก ๆ ร่วมบริจาคของเล่นให้กับเด็กด้อยโอกาส ใน “โครงการห้องสมุดของเล่น ของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน” ตั้งแต่วันที่ 8-9 มกราคม 2554 ณ ลานกิจกรรม ตั้งแต่เวลา 10:30 น. เป็นต้นไป
พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ กับงานเด็กไทยหัวใจเกษตร 8
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดจัดงานวันเด็ก “เด็กไทยหัวใจเกษตร 8 ” วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ภายใต้แนวคิด “สวนเกษตรหรรษา” สัมผัสและสูดกลิ่นไอของวิถีชีวิตเกษตร ย้อนยุคไปกับการละเล่นแบบไทยๆ ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ 8 โมงเช้า งานนี้ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน ในงานมีบู้ทจากหน่วยงานต่างๆครบทุกกรมที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะมาให้ความรู้ด้านเกษตรกับน้องๆที่สนใจทุกคน มาแล้วได้ประโยชน์มากๆครับ สามารถนำความรู้กลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันในช่วงนี้ งานนี้มีการเตรียมเสบียงอาหารและเครื่องดื่มรองรับเด็กและผู้ปกครองที่เข้า มาร่วมงาน พร้อมบริการรถรับ-ส่งจากบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ และเข้าชมงานฟรีครับ !
“ขอเชิญชวน เด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง เที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ เทศบาลนครอุบลราชธานี ณ ในวันเสาร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๔ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. พร้อมรับของขวัญ – ของชำร่วย อาหาร/เครื่องดื่ม ฟรีตลอดงาน”
ชื่อการจัดงาน : งานวันเด็กแห่งชาติ เทศบาลนครอุบลราชธานี
วันและเวลาจัดงาน : วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 เวลา 08.00-15.00 น.
สถานที่จัดงาน : บริเวณสำนักงานเทศบาลนครอุบลราชธานี
ผู้จัดงาน : เทศบาลนครอุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติเป็นประจำทุกปี สำหรับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ในหัวข้อเปิดโลกแห่งความสุข สนุกกับจินตนาการ สืบสานวัฒนธรรม โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการทางวิชาการ ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต การทดลองและสาธิตทางวิทยาศาสตร์ การแสดงบนเวที การแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชน และชมการประกวดร้องเพลง พีเอสยู จูเนียร์ แฟนตาเซีย รอบชิงชนะเลิศ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จึงขอเชิญเด็กและเยาวชนร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ระหว่างเวลา 08.30 -16.00 น. ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขอเชิญเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันที่ 8 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 7.30 – 13.30 น. ณ บริเวณลานใต้อาคารแพทยศาสตร์และอาคารเรียนรวมและหอสมุดฯ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีคุณธรรมและจริยธรรม รวมทั้งค่านิยมที่ถูกต้อง กล้าคิด กล้าแสดงออกในพฤติกรรมที่เหมาะสม ในงานมีกิจกรรมที่สื่อให้เห็นถึงโลกย้อนยุค โลกแห่งจินตนาการ รักษ์โลกรักสิ่งแวดล้อม และรักษ์สุขภาพ กิจกรรมการบันเทิง การแสดงและการละเล่นต่าง ๆ ของเยาวชนพร้องทั้งการแจกของขวัญสำหรับเยาวชนอีกมากมาย
สำหรับท่านที่ต้องการร่วม บริจาคของขวัญสำหรับเยาวชน 1 ชิ้น เพื่อการให้ ขอเชิญบริจาคได้ที่ ฝ่ายบริการพยาบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โทร.074-451662-5
พบกับซุ้มกิจกรรม และเกมส์ ทั้งหมด 21 ซุ้ม และซุ้มขนมไทยๆ 1 ซุ้ม เช่น
- ซุ้ม Imagination - ซุ้ม Save world - ซุ้ม kickling - ซุ้ม bowling - ซุ้ม หมากเก็บ - ซุ้ม ตกกระป๋อง - ซุ้ม สอยดาว - ซุ้ม เป่าสี - ซุ้ม ร้อยลูกปัด - ซุ้ม ระบายฝัน - ซุ้ม ต้นไม้นำโชค - ซุ้ม น้องคุ้ยพี่เขี่ย - ซุ้ม โยนบาสลงห่วง - ซุ้ม โบว์ลิ่งหรรษา - ซุ้ม การ์ดวันเด็ก ฯลฯ
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีกิจกรรมวันเด็ก 2554 วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ณ ลานกิจกรรม หอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- ประกวดหนูน้อยน่ารักอารมณ์ดี
- แข่งขันฮูลาฮุปทนทาน
- แข่งขันระบายสี
- ตอบคำถามชิงรางวัล
- ชมการแสดงบังคับม้า ขี่ม้า
- แจกขนม น้ำหวาน ไอศกรีม และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ubu.ac.th/~pnr/news/54/children_day54.pdf
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจัดงานวันเด็กประจำปี 2554 จ.เชียงรายท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ร่วมกับภาคเอกชน 57 หน่วยงานจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ณ บริเวณหน้าหอบังคับการหลังเก่าท่าอากาศยานแม่แม่ฟ้าหลวงเชียงราย
นายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ของทุก ๆ ปี เป็นวันเด็กแห่งชาติซึ่งในปี 2554 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ให้คำขวัญวันเด็กประจำปี 2554 ว่า ” รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ ” เพื่อพัฒนาเยาวชนเด็กไทยในจังหวัดเชียงราย ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงรายได้กำหนดจัดกิจกรรมจัดงานวันเด็กประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ระว่างเวลา 09.00 น.ถึงเวลา 16.00 น. ณ บริเวณหน้าหอบังคับการหลังเก่า ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจัดกิจกรรมวันเด็กประจำปี 2554 รวมทั้งสิ้น 57 หน่วยงาน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติไปเป็นประธานเปิดงานวันเด็กประจำปี 2554 พร้อมอ่านสานส์วันเด็กประจำปี 2554 ของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และจัดให้มีการถ่ายทอดเสียง ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงองค์การสื่อสารมวลชนจังหวัดเชียงราย ระบบ เอฟ.เอ็ม ความถี่ 101.25 มฮ.ตลอดการจัดกิจกรรมดังกล่าว
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวน สถานศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง ได้ไปร่วมงานวันเด็กประจำปี 2554 ณ บริเวณหน้าหอบังคับการบินหลังเก่า ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยพรอ้มเพรียงกัน
วันกาชาดไทย
วันกาชาดสากล
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2402 ได้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังทหารของฝรั่งเศสร่วมกับอิตาลี กับกองกำลังทหารของออสเตรีย ณ บริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านของซอลเฟริโน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี มีทหารที่บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดคนช่วยเหลือพยาบาล
เมื่อเขาเดินทางกลับถึงกรุงเจนีวา ก็ได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่ง บรรยาถึงเหตุการณ์ที่ได้ประสบพบเห็น และเสนอแนะว่า ควรจะมีการตระเตรียมอุปกรณ์ และเครื่องไม้เครื่องมือในการพยาบาลให้พร้อมในยามสงบ เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บทุกฝ่ายได้ทันท่วงที และขอให้ทหารฝ่ายใดผ่ายหนึ่งอย่ายิงคนที่ช่วยบรรเทาทุกข์เหล่านี้ ซึ่งบริการเหล่านี้ยังจะให้ประโยชน์ในยามที่เกิดทุพภิกขภัย เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฯลฯ อีกด้วย
จากข้อเสนอแนะดังกล่าว ทำให้เกิดการประชุมระหว่างประเทศขึ้น ณ กรุงเจนีวา โดยมีผู้แทนจาก 16 ประเทศเข้าร่วมประชุม โดยมีข้อสรุปว่า
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2402 ได้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังทหารของฝรั่งเศสร่วมกับอิตาลี กับกองกำลังทหารของออสเตรีย ณ บริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านของซอลเฟริโน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี มีทหารที่บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดคนช่วยเหลือพยาบาล
สารบัญ[ซ่อนสารบัญ] |
ความเป็นมา
จากเหตุการณณ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2402 ที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังทหารของฝรั่งเศสร่วมกับอิตาลี กับกองกำลังทหารของออสเตรีย ซึ่งมีทหารที่บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะขาดแคลนแพทย์และพยาบาล ญัง อังรี ดูนังต์ (Jean Henri Dunant) นายธนาคารชาวสวิสได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจเหล่านั้น จึงได้รวบรวมบรรดาหมอชาวออสเตรียและกลุ่มนักเรียนแพทย์อิตาเลียนมาช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยไม่เลือกว่าเป็นฝ่ายมิตรหรือศัตรูเมื่อเขาเดินทางกลับถึงกรุงเจนีวา ก็ได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่ง บรรยาถึงเหตุการณ์ที่ได้ประสบพบเห็น และเสนอแนะว่า ควรจะมีการตระเตรียมอุปกรณ์ และเครื่องไม้เครื่องมือในการพยาบาลให้พร้อมในยามสงบ เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บทุกฝ่ายได้ทันท่วงที และขอให้ทหารฝ่ายใดผ่ายหนึ่งอย่ายิงคนที่ช่วยบรรเทาทุกข์เหล่านี้ ซึ่งบริการเหล่านี้ยังจะให้ประโยชน์ในยามที่เกิดทุพภิกขภัย เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฯลฯ อีกด้วย
จากข้อเสนอแนะดังกล่าว ทำให้เกิดการประชุมระหว่างประเทศขึ้น ณ กรุงเจนีวา โดยมีผู้แทนจาก 16 ประเทศเข้าร่วมประชุม โดยมีข้อสรุปว่า
- 1. ควรมีสมาคมขึ้นในทุกประเทศ เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์แก่ผู้คนในยามสงคราม
- 2. ในยามสงคราม ทหารที่บาดเจ็บ ผู้ที่คอยดูแลคนบาดเจ็บ ตลอดจนเครื่องหมายกาชาด (กากบาทสีขาวบนพื้นสีแดง) ปรากฏอยู่ที่ใด จะต้องถือว่าเป็นกลาง ไม่ใช่คู่สงคราม
ผลจากการประชุม
ผลการประชุม ก่อให้เกิดสภากาชาดสากลขึ้น ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นกลาง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ต่อมาในปี พ.ศ.2413 ได้มีประเทศสมาชิก 22 ประเทศลงนามในอนุสัญญาเจนีวา เพื่อตกลงที่จะยอมรับและปฏิบัติตามข้อตกลงของสภากาชาด คือ- 1. ดูแลรักษาเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บในยามสงคราม
- 2. ดูแลเชลยศึกทุกคนให้ได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม
- 3. ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยทุกอย่างและทุกแห่งทั่วโลก
กิจการกาชาดในประเทศไทย
ได้เริ่มต้นขึ้นจากการจัดตั้งสภาอุณาโลมแดงขึ้น เมื่อ พ.ศ.2457 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสภากาชาดไทย คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ได้ให้การรับรองสภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2463 และสันนิบาตสภากาชาดได้รับเข้าเป็นสมาชิก เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2464 ในประเทศไทยได้ก่อตั้งสภากาชาดเพื่อช่วยเหลือทหาที่ได้รับบาดเจ็บในกรณีพิพาท ร.ศ.112 เมื่อเหตุการณ์สงบทางราชการให้ทำเป็นองค์การสาธารณกุศลเพื่อทำประโยชน์และบรรเทาทุกข์ภัยของประชาชนต่อไปกิจกรรมวันกาชาดสากล
องค์การกาชาดได้จัดให้มีงานประจำปีทุกปี การจัดงานกาชาดนั้นก็เพื่อเป็นการเผยแพร่หลักการ, การดำเนินงาน, ผลงาน และกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งหาเงินเพื่อมาใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลไว้รับใช้ประชาชนที่เดือดร้อนต่อไปวันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันขึ้นปีใหม่
วันขึ้นปีใหม่ (1 มกราคม)
ความหมาย
วันขึ้นปีใหม่ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า ปี หมายถึง เวลาชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน และ เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ
ประวัติความเป็นมา
ในสมัยโบราณนั้น แต่ละชาติต่างก็ไม่มีวันขึ้นปีใหม่ที่ตรงกัน เช่นในประเทศเยอรมัน ชาวเยอรมันในสมัยโบราณจะมีวันขึ้นปีใหม่ในปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาที่กำลังมีอากาศหนาวเย็น ประชาชนที่แยกย้ายออกไปหากินในที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ในช่วงฤดูร้อน หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผล และ นำขึ้นยุ้งฉางเสร็จแล้ว ก็จะมาร่วมฉลองขึ้นปีใหม่ในระยะนี้ ต่อมาเมื่อชาวโรมันได้เข้ามารุกราน จึงได้เลื่อนการฉลองปีใหม่มาเป็น วันที่ 1 มกราคม ชาติโบราณ เช่น ไอยคุปค์ เฟนิเชียนและอิหร่าน เริ่มปีใหม่ราว วันที่ 21 กันยายน รวมถึงชาวโรมันก็เริ่มปีใหม่วันนี้เช่นเดียวกัน
ครั้งมาถึงสมัยของซีซาร์ที่ใช้ปฏิทินแบบยูเลียน จึงเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาเป็นวันที่ 1 มกราคม แต่
- พวกยิวจะขึ้นปีใหม่ อย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 6 กันยายน ถึงวันที่ 5 ตุลาคม และ ทางศาสนาเริ่มวันที่ 21 มีนาคม
- ชาวคริสเตียนในยุคกลางจะเริ่มปีใหม่ในวันที่ 25 มีนาคม
- คนอังกฤษ เชื้อสายแองโกลซักซอนได้เริ่มปีใหม่วันที่ 25 ธันวาคม
ภายหลังเมื่อพระเจ้าวิลเลี่ยม ( William the Conqueror ) ได้เป็นราชาธิราชแห่งเกาะอังกฤษ จึงเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาเป็นวันที่ 1 มกราคม ต่อมาเมื่อถึงยุคกลางชาวอังกฤษก็เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 25 มีนาคม เช่นเดียวกับชาวคริสเตียนอื่น ๆ แต่ต่อมาเมื่อมีการใช้ปฏิทินแบบกรีกอเรียน ชาวคริสเตียนิกายโรมันคาทอลิกก็กลับมาขึ้นปีใหม่วันที่ 1 มกราคมกันอีก
ประวัติความเป็นมาของไทย
ประเพณีปีใหม่ของไทยสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๕ ตอนต้น ถือวันทางจันทรคติ เป็นวันขึ้นปีใหม่ สำหรับพระราชพิธีปีใหม่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าเสด็จ เข้าไปรับพระราชทานเลี้ยง ณ ท้องพระโรงกลางพระที่นังจักรีมหาปราสาทพระราชทาน ฉลากแก่พระบรมวงศฉลากแล้วเสด็จพระราชดำเนินมา ที่ชาลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทอดพระเนตรละคร หลวงแล้วเสด็จ ฯ กลับ
สมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณโปรดเกล้าฯให้ใช้พุทธศักราช แทนรัตนโกสินทรศก ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๕ และต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๖ โปรดให้รวมพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์เถลิงศก สงกรานต์ พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลถือน้ำพระพิพัฒน์ สัตยาเข้าด้วยกันเรียกว่าพระราชพิธีตรุษสงกรานต์
ครั้นต่อมาในรัชกาลที่ ๘ คณะผู้สำเร็จราชการแทน พระองค์ใน พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล ได้ประกาศให้ใช้วันที่ ๑ มกราคม เป็น วันขึ้นปีใหม่ เพราะวันที่ ๑ มกราคม ใกล้เคียงวันแรม ๑ ค่ำ เดือนอ้าย เป็นการใช้ฤดูหนาวเริ่มต้นปี และเป็นการสอดคล้อง ตามจารีตประเพณีโบราณของไทยต้องตามคติแห่งพระบวร พุทธศาสนาและตรงกับนานาประเทศ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 58 หน้า 31 เป็นต้นไป
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ คณะผู้สำเร็จราชการแทน พระองค์โปรดให้ยกการพระราชกุศลสดับปกรณ์ผ้าคู่ในวัน ขึ้นปีใหม่ไปใช้ในพระราชพิธีสงกรานต์ ซึ่งฟื้นฟูขึ้นใหม่ตาม โบราณราชประเพณีซึ่งเป็นเทศกาล สงกรานต์ในวันที่ ๑๓ – ๑๔ – ๑๕ เมษายน
สำหรับ พิธีของราชการและประชาชนสำหรับงานของทาง ราชการและประชาชนในวันขึ้นปีใหม่ก็จะมีตั้งแต่คืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม จนถึง วันที่ ๑ มกราคมเช่นเคยยึดถือมาเดิม คือในวันสิ้นปี หรือวันที่ ๓๑ ธันวาคม ทางราชการหรือ ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ จัดให้มีการรื่นเริง และมหรสพ มีพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พรปีใหม่ แก่ประชาชน สมเด็จพระสังฆราชประทานพรปีใหม่ แก่พุทธศาสนิกชนและบุคคลสำคัญของบ้านเมือง เช่น ประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ประธาน ศาลฎีกากล่าวคำ ปราศรัย พอถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. วัดวาอารามต่างๆ จะจัด พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ย่ำฆ้อง กลอง ระฆัง เพื่อแสดง ความยินดีต้อนรับรุ่งอรุณแห่งชีวิตของประชาชนในปีใหม่ โดยทั่วกัน ตอนเช้าวันที่ ๑ มกราคมก็จะมีการทำบุญตักบาตร สุดแท้แต่การจัด บางปีมีการจัดร่วมกัน บางปีบางท้องที่ก็ไป ทำบุญตักบาตรกันที่วัด หรือที่ใดๆ บางท่านบางครอบครัว ก็มีการทำบุญตักบาตร หรือการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน ที่สำนักงานของตน
การทำบุญ
เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนจะพากันเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับไฟและธงชาติตามสถานที่สำคัญๆ ครั้นถึงวันที่ 31 ธันวาคม ก็จะมีการทำบุญเลี้ยงพระไปวัดเพื่อประกอบกิจกุศลต่าง ๆ เช่น ฟังพระธรรมเทศนา ถือศีลปฏิบัติธรรมแต่บางคนก็แค่ทำบุญตักบาตร ตอนกลางคืนบางแห่งอาจจัดเทศกาลกินเลี้ยงที่ครื้นเครงสนุกสนาน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เช้าวันที่ 1 มกราคม จะมีการทำบุญตักบาตร ไปท่องเที่ยวหรือเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ผู้ที่เคารพนับถือ มีการมอบของขวัญและบัตรอวยพรให้แก่กัน สำหรับในต่างจังหวัด จะมีการทำบุญเลี้ยงพระที่วัดอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ญาติที่ล่วงลับ กลางคืนมีการละเล่นพื้นบ้านหรือจัดมหรสพมาฉลอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)